วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

CD NC ตอนที่ 50 วันว่าง ๆ ของเฟยซูหลิง

 

    ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา

    แก่นกายของลู่เทียนเฉินปัดผ่านช่องทางด้านหลังอย่างน่าหวาดเสียว เพราะยังไม่ได้เบิกทาง มันเลยผ่านเข้ามาถูไถกับแก่นกายของเฟยซูหลิงที่กำลังมีอารมณ์

    “......” เฟยซูหลิงชะงัก เผลอสบตากับลู่เทียนเฉิน ร่างกายแข็งค้าง

    เหตุการณ์เมื่อครู่ทำเอาหัวใจเขาหล่นไปวูบหนึ่ง ลู่เทียนเฉินเองก็น่าจะสัมผัสได้เหมือนกัน

    ตอนนี้พวกเขาอยู่ในท่าทางที่น่าหวาดเสียวเกินไป แก่นกายทั้งสองเสียดสีกันในจุดอันตราย เฟยซูหลิงชิงลุกหนีอีกรอบ ทว่าคราวนี้ลู่เทียนเฉินไม่ยอมแล้ว ตะครุบเอวของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย

    ดูก็รู้ว่าลู่เทียนเฉินต้องการอะไร “ไม่เอา!” เฟยซูหลิงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด ครั้งแรกที่พวกเขาทำ ตอนนั้นลู่เทียนเฉินแทบไม่มีสติ ทว่าตอนนี้พวกเขามีสติดีกันทั้งคู่!

    สิ้นเสียง ลู่เทียนเฉินแทรกนิ้วเข้าไปเสมือนไม่ยินยอม

    เฟยซูหลิงดิ้น แต่อย่างที่รู้กัน แรงกายของเขาสู้ลู่เทียนเฉินไม่ได้ “...เราเพิ่งทำไปเมื่อสองวันก่อน” เขาพยายามประนีประนอม ทำหน้าน่าเอ็นดูเผื่อลู่เทียนเฉินจะเห็นใจ

    น่าเสียดาย ใบหน้านั้นยิ่งทำให้ลู่เทียนเฉินอยากแกล้ง

    “แต่ฉันอยากอีกแล้ว” ลู่เทียนเฉินกล่าว สีหน้าระรื่นจนสีหน้าของเฟยซูหลิงเปลี่ยนทันที

    โกหก!

    เฟยซูหลิงกล่าวในใจ ตอนที่กำลังจะประท้วง นิ้วของลู่เทียนเฉินก็แทรกมาอีกนิ้วไม่ทันได้พูด

    “...มันเจ็บ” เฟยซูหลิงกล่าวเสียงสะอื้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมพูดสิ่งที่รู้สึกจริง ๆ ให้ลู่เทียนเฉินได้ยิน

    ความจริงแล้ว นอกจากความเจ็บยังมีความรู้สึกเสียวซ่านแทรกขึ้นมา ความรู้สึกนั้นชัดเจนมาก แต่ด้วยความทะนงตัว เฟยซูหลิงจึงไม่อยากพูดออกไป

    “เด็กดี เดี๋ยวฉันพาไปกินยานะ”

    ไม่อยากเชื่อว่านอกจากจะไม่เห็นใจ ลู่เทียนเฉินยังเมิน จูบที่หน้าผากของเฟยซูหลิงไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ ร่างสูงอุ้มเฟยซูหลิงที่เอาแต่ดิ้นขึ้นมา พยายามป้อนยาทว่าคนในอ้อมกอดไม่ยอมกิน

    แน่นอนว่าเฟยซูหลิงจำได้ไม่มีลืม เพราะกินยาฟื้นฟูเข้าไปตอนนั้นเขาเลยไม่สลบ และเมื่อไม่สลบ ลู่เทียนเฉินเลยไม่ยอมหยุดทำ “ไม่เอา อื้อ” เฟยซูหลิงปฏิเสธ เบือนหน้าหนีเหมือนเด็กไม่ยอมกินยา ท้ายที่สุดลู่เทียนเฉินไม่มีทางเลือกเป็นฝ่ายดื่มยาฟื้นฟูเข้าไป จากนั้นประกบจูบอีกฝ่ายดุนดันให้ดื่มยาฟื้นฟูแทน

    รสชาติเรียบลื่นของยาไหลเข้าผ่านลำคอ ชั่วขณะนั้นอ้อมแขนที่ลู่เทียนเฉินใช้กักขังอ่อนแรงลงชั่วครู่ ด้วยโอกาสนั้นเฟยซูหลิงจึงดิ้นหลุดจากแขนลู่เทียนเฉินได้ สองขารีบวิ่งไปที่ประตูห้องน้ำเพื่อที่จะหลบ เพราะความตื่นกลัวจึงเผลอหลงลืมว่าตนเองสามารถเทเลพอร์ตหนี

    ปัง!

    มือของเฟยซูหลิงไม่ทันได้แตะประตูห้องน้ำด้วยซ้ำ ลู่เทียนเฉินที่มีสมรรถภาพทางกายอันน่ากลัวก็วิ่งตามเขาทัน

    “อื้อ!!!” ร่างกายถูกลู่เทียนเฉินกอดรั้งไว้ เพียงพริบตาเดียว สิ่งใหญ่โตของลู่เทียนเฉินก็จ่อช่องทางหุบอ้า ยั่วยวนให้บางสิ่งบางอย่างแทรกกายเข้ามาอย่างดุดัน

    “ยิ่งนายหนีมันยิ่งกระตุ้นฉันนะ” ลู่เทียนเฉินกล่าวเสียงแหบพร่า เฟยซูหลิงที่ปกติจะเย่อหยิ่งตลอดเวลา กำลังวิ่งหนีเหมือนกระต่ายตื่นตูม ภาพนั้นทำให้สัญชาตญาณสัตว์ป่าของลู่เทียนเฉินแล่นพล่านถึงที่สุด อยากกระโจนเข้าไปขย้ำกระต่ายน้อยตัวนั้น

    แก่นกายของลู่เทียนเฉินปริ่มน้ำ เฉกเช่นสัตว์ป่าที่กำลังอยู่ในฤดูผสมพันธุ์ ดวงตาของเฟยซูหลิงที่เห็นภาพนั้นเบิกกว้าง ขณะที่กำลังจะอ้าปาก ลู่เทียนเฉินก็แทรกแก่นกายเข้ามาทันที

    “อ๊า!”

    เสียงร้องของเฟยซูหลิงดังออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว แก่นกายของลู่เทียนเฉินแทรกเข้าไปได้เพียงส่วนหัว ขาทั้งสองข้างของเฟยซูหลิงก็สั่นสะท้านจนทนยืนไม่ไหว ร่างกายปวกเปียกแทบร่วงลงไป อาศัยท่อนแขนแกร่งของลู่เทียนเฉินคอยพยุงร่างไว้ไม่ให้ล้ม

    “ปล่อยฉันเถอะ ฮื่อ…” เฟยซูหลิงพยายามจะอ้อนวอนอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าจริง ๆ แล้วที่พยายามหนีไม่ใช่ว่าไม่อยากทำ

    เฟยซูหลิงไม่อยากยอมรับ ว่าการเป็นรับให้ลู่เทียนเฉินรู้สึกดียิ่งกว่าเป็นรุกให้คนอื่นอีก

    เขารู้สึกดีเกินไป

    ดีจนกลัวว่าสักวัน เขาจะติดใจจนถอนตัวไม่ไหว

    เมื่อเห็นว่าแก่นกายเข้าไปด้านในได้เพียงนิดเดียว ลู่เทียนเฉินก็จับเอวของเฟยซูหลิงให้ขยับเข้ามา บดเบียดแก่นกายฝังตัวตนให้เข้าถึงส่วนที่ลึกที่สุด “อะ อ๊า! ฮือออ” เฟยซูหลิงหวีดร้องลั่น ถึงจะกลั้นเสียงไว้แน่นหนา แต่สุดท้ายก็ต้องร้องออกมาเพราะไม่อาจทนได้

    “มะ ไม่เอา! ท่านี้มันลึก!”

    ลู่เทียนเฉินตัดสินใจพลิกตัวเฟยซูหลิงหันมาโดยไม่ถอนแก่นกาย ร่างกายของเฟยซูหลิงไหลตามแรงโน้มถ่วง ซึ่งนั่นยิ่งทำให้แก่นกายของลู่เทียนเฉินดันลึกเข้ามาจนสุด

    ไม่ว่าอย่างไรเฟยซูหลิงก็ไม่ชินกับแก่นกายขนาดใหญ่ของลู่เทียนเฉิน แก่นกายของเฟยซูหลิงนับว่าใหญ่กว่ามาตรฐานผู้ชายทั่วไปอยู่แล้ว ทว่าแก่นกายของลู่เทียนเฉินกลับใหญ่กว่าเขาสองเท่า ภายในท้องของเฟยซูหลิงแน่นขนัดเสมือนกับว่ามีแก่นกายสองอันในร่างของเขา

    ลู่เทียนเฉินอุ้มเฟยซูหลิงมาถึงเตียง ตอนปล่อยคนตัวเล็กลง แก่นกายก็เผลอหลุดออก เปิดโอกาสให้เฟยซูหลิงคลานหนีไม่คิดชีวิต “อะ ลู่—อ๊า!!” ลู่เทียนเฉินดึงข้อเท้าของเฟยซูหลิงไว้ ดันแก่นกายกลับเข้าไปทั้งหมดในคราวเดียว

    เสียงของเฟยซูหลิงที่หลุดดังออกมานั้น ดังก้องไปทั้งห้องจนตัวเฟยซูหลิงเองสะดุ้งปิดปากด้วยความตกใจ เมื่อครู่เสียงของเขาดังทะลุไปถึงด้านนอกหรือป่าว...

    สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งเดียวทำให้เฟยซูหลิงปิดปากตัวเองแน่นทุกครั้งที่ลู่เทียนเฉินขยับ ลู่เทียนเฉินขมวดคิ้ว เอื้อมไปดึงมือเฟยซูหลิงออก เฟยซูหลิงไม่ยอม ความดึงดันอันดื้อรั้นจึงทำให้ลู่เทียนเฉินกระแทกแก่นกายเข้าไปแรง ๆ เมื่อคนใต้ร่างสะดุ้งเผลอผ่อนแรง ลู่เทียนเฉินจึงได้โอกาสรวบมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว

    “อะ อะ อา! ปะ ปล่อยมือฉันเถอะ! เสียงของฉันมัน..” เฟยซูหลิงกล่าวเสียงกระแทกกระทั้น น่ารักมากจนลู่เทียนเฉินอดใจไม่ไหวก้มลงไปบดจูบ

    พร้อมกับนั้นน้ำสีขาวขุ่นก็ปลดปล่อยออกมา ภายในท้องของเฟยซูหลิงอุ่นร้อน ดวงตาปรือฉ่ำน้ำ พึมพำอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “พอแล้ว... ไม่ไหวแล้ว...” ยั่วยวนจนลู่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะบดจูบอีกรอบ “ฮื่อ พอแล้วนะ”

    ท่าทางของเฟยซูหลิงในปัจจุบันราวกับเป็นคนละคนกับเฟยซูหลิงในยามปกติ “ฉันยังอยากทำอยู่เลย” ลู่เทียนเฉินกล่าวพร้อมขยับแกล้งครั้งหนึ่ง

    เฟยซูหลิงตกใจ “ครั้งหน้า! ครั้งนี้ฉันไม่ไหวแล้วจริง ๆ!”

    เฟยซูหลิงมีลางสังหรณ์ว่าหากยอมให้ลู่เทียนเฉินทำต่อ วันว่างวันเดียวของเขาคงไม่ได้ทำอะไรนอกจากถูกหมาบ้ากามกักไว้บนเตียง

    “หืม ครั้งหน้างั้นเหรอ” มุมปากของลู่เทียนเฉินค่อย ๆ ยกยิ้ม

    เมื่อนั้นเฟยซูหลิงก็ชะงัก

    อยู่ ๆ เขาก็เป็นฝ่ายพูดเรื่องครั้งหน้าขึ้นมาเอง แบบนี้มันก็เหมือนเขาตกลงไปในหลุมพรางของลู่เทียนเฉินไม่ใช่หรือยังไง

    “จะตั้งตารอนะ ที่รัก” ลู่เทียนเฉินกล่าวยียวนขึ้นอีกครั้งไม่ยอมให้เฟยซูหลิงกลับคำ ถือวิสาสะหอมแก้มทั้งสองข้างไปด้วยกัน ถอนแก่นกายออกเดินโทง ๆ ไปห้องน้ำ ท่าทางจะไปจัดการอารมณ์ที่เหลือต่อด้วยตัวเอง

    เฟยซูหลิงมองตามแผ่นหลังของลู่เทียนเฉินที่หายวับเข้าไปในห้องน้ำด้วยแววตาวูบไหว

    ครั้งหน้า... ครั้งหน้าก็แย่เหอะ!

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

CD NC ตอนที่ 45 หลงใหล


    การพยักหน้าของเฟยซูหลิงดั่งการอนุญาต ลู่เทียนเฉินปลดปล่อยสัญชาตญาณของตัวเองอย่างสมบูรณ์ สิ่งแรกที่เขาทำคือฉีกเสื้อของเฟยซูหลิงเป็นชิ้น ๆ เฟยซูหลิงตกใจ เสื้อผ้าชุดนี้โฟร์เอามาให้ แต่ดันโดนลู่เทียนเฉินฉีกทิ้งไปแล้ว

    “ใจเย็น ค่อย ๆ ถอดก็ได้ ฉันไม่หนีไปไหนหรอก ฮึก”

    พูดไม่ทันจบ ยอดอกก็ถูกงับ กระทั่งอีกข้างก็ยังไม่เว้นว่างถูกนิ้วหยาบกร้านเคล้าคลึงเล่น ดีที่เฟยซูหลิงคุมสติตัวเองทัน ก่อนจะหลงใหลกับรสสัมผัส เขาดึงขวดยาฟื้นฟูระดับต่ำออกมาจากช่องเก็บของและดื่มเข้าไป

    ถึงจะไม่รู้ว่ามันเจ็บขนาดไหน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เป็นฝ่ายอยู่ด้านล่าง อย่างน้อยก็ให้ยาช่วยฟื้นฟูบาดแผลระหว่างที่ทำด้วยเถอะ...

    สติของลู่เทียนเฉินในยามนี้ไม่มีทางที่จะอ่อนโยนให้อย่างแน่นอน ระหว่างที่ลู่เทียนเฉินยุ่งวุ่นวายกับการทำร่องรอยบนร่างของเขา เฟยซูหลิงก็ตัดสินใจใช้นิ้วของตัวเองเอื้อมไปเบิกช่องทางด้านหลัง

    เคยแต่ทำให้คนอื่นไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันที่ต้องทำให้ตัวเอง แค่สอดนิ้วเข้าไปนิดเดียวก็เจ็บแล้ว ใบหน้าของเฟยซูหลิงเหยเก้ ดูเหมือนการกระทำของเขาจะถูกลู่เทียนเฉินเห็น กางเกงที่น่าสงสารจึงถูกฉีกกลายเป็นชิ้น ๆ ในเวลาต่อมา

    สายตาอันร้อนแรงจ้องนิ้วของเฟยซูหลิงที่เบิกเข้าไปในช่องทาง จากนั้นเฟยซูหลิงก็ต้องสะดุ้ง เมื่อส่วนปลายชื้นน้ำสัมผัสกับช่องทางด้านหลัง

    “เดี๋ยวก่อน มันยังเข้าไม่ได้!”

    ขืนเข้าตอนนี้มีหวังตรงนั้นได้ฉีกขาดพอดี ส่วนปลายของแก่นกายถูไถกับช่องทางจนเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำรัก คนใต้ร่างลุ้นจนเผลอกลั้นใจ ทว่าต่อมาก็ถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ เพราะลู่เทียนเฉินเอาแก่นกายออกห่างไปแล้ว

    “ฮึ่ก เจ็บ!”

    แต่เจ้าบ้านั่นดันใส่นิ้วของตัวเองเข้ามาแทน!

    ถึงจะเป็นเพียงแค่นิ้ว แต่นิ้วของลู่เทียนเฉินก็ไม่ใช่เล็ก ๆ มันทั้งเรียวยาว แถมยังใส่เข้ามาทีเดียวจนสุด “แฮ่ก แฮ่ก...” เฟยซูหลิงพยายามสูดลมหายใจเข้า ฉับพลันลู่เทียนเฉินก็ขยับนิ้วเข้าออกไม่ทันให้ตั้งตัว

    “อ๊ะ อย่า อย่าจับตรงนั้น”

    พร้อม ๆ กัน ลู่เทียนเฉินก็ใช้ปากหยอกล้อกับแก่นกายของเขา เฟยซูหลิงถูกกระตุ้นทั้งด้านหน้าด้านหลัง กระทั่งคนที่มีประสบการณ์เซ็กส์อย่างโชกโชน แม้จะถูกทำทั้งสองด้านแบบนี้ ใครเล่าจะทนไหว

    “จะออกแล้ว อุ๊ก!” พอใกล้จะถึงจุดสุดยอด ลู่เทียนเฉินพลันสอดนิ้วที่สองเข้ามา เฟยซูหลิงสะดุ้งตัวโยน เผลอปล่อยน้ำเต็มใบหน้าของลู่เทียนเฉินจนอีกฝ่ายเปรอะเปื้อน

    “อะ เอ่อ..”

    เขากล่าวด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วน ก่อนหน้าจะแดงด้วยความเขินอาย เมื่อลู่เทียนเฉินปาดน้ำที่เปื้อนใบหน้าและเลียไล่จากฝ่ามือจรดปลายนิ้ว

    เฟยซูหลิงเขินอายจนพูดไม่ออกจริง ๆ

    ในที่สุดลู่เทียนเฉินก็เอานิ้วออก เฟยซูหลิงกำลังจะพักหายใจให้โล่งคอ แต่เจ้ามังกรร้อนระอุได้จ่อที่ช่องทางด้านหลังของเขาอีกครั้ง “ยะ ยังไม่ได้ ขนาดมันแตกต่างกันเกินปะ—!”

    นิ้วสองนิ้วเมื่อครู่กลายเป็นเรื่องตลกล้อเล่นไปเลย เมื่อเทียบกับแก่นกายที่พยายามแทรกตัวเข้ามาในร่าง

    เฟยซูหลิงร้องไม่ออก ปากของเขาหุบอ้าไร้เสียง เพราะฝืนเข้ามาส่วนนั้นของลู่เทียนเฉินจึงเข้ามาได้แค่ส่วนหัว พอลู่เทียนเฉินในสภาพไร้สติเห็นว่าเข้าไปได้ไม่หมดก็พยายามกระแทกส่วนที่เหลือเข้ามา เฟยซูหลิงสะอื้นด้วยความจุก แก่นกายของลู่เทียนเฉินเข้ามาลึกมาก แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่รับไหว

    เขาคิดเช่นนั้น จนกระทั่งลู่เทียนเฉินยกขึ้นมานั่งตัก ในตอนนั้นเฟยซูหลิงก็เพิ่งรับรู้ว่ามันเพิ่งเข้าไปได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นเอง

    ไม่ว่ายังไงก็เข้าไปมากกว่านี้ไม่ได้ ลู่เทียนเฉินที่หลงเหลือเพียงสัญชาตญาณดิบจึงยอมแพ้ เริ่มกระแทกกระทันเข้าออกภายในตัวของเฟยซูหลิงทันที

    “ฮะ ฮึก อึก!”

    คนปากดีเมื่อครู่หายไปไหนไม่รู้ เฟยซูหลิงหัวเราะไม่ออก เขาอาจจะไม่ตายเพราะสัญญา แต่อาจจะตายคาอกลู่เทียนเฉินแทน

    เขาว่ากันว่ามันจะเจ็บแค่ตอนแรกเท่านั้น ตอนแรกเฟยซูหลิงเจ็บปางตาย แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่ามันเจ็บจนชาหรือเพราะยาฟื้นฟูของหลิวอี้ฟานมีประสิทธิภาพเลยไม่ค่อยรู้สึกเจ็บกัน ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ความรู้สึกแปลก ๆ ทุกครั้งที่ลู่เทียนเฉินกระแทกใส่

    “อ๊ะ!” ทันใดนั้นเองระหว่างที่ลู่เทียนเฉินกระแทกเข้ามาก็เสมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านชั่วขณะ เฟยซูหลิงเผลอหลุดร้องออกนอกหน้า แต่ต่อมาสะดุ้งเหมือนรู้ตัว เห็นลู่เทียนเฉินกำลังหยุดจ้องหน้าเขา

    “มะเอานะ— อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ!” เขารู้ว่าลู่เทียนเฉินคิดจะทำอะไร พูดยังไม่ทันจบก็ต้องหลุดร้อง เมื่อลู่เทียนเฉินกระแทกที่จุดอ่อนไหวนั้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง

    “อ๊า!” ถูกกระแทกจุดอ่อนไหวซ้ำ ๆ ไม่นานเฟยซูหลิงก็ปลดปล่อย ทว่าลู่เทียนเฉินยังไม่ปล่อย ไหนเลยจะยอมหยุดให้ “ฉันเพิ่งปล่อยไป ฮื้อ” อีกฝ่ายยังคงกระแทกเน้นที่จุดอ่อนไหวของเฟยซูหลิงอย่างต่อเนื่อง เฟยซูหลิงแทบรู้สึกว่าตัวเองจะกลายเป็นบ้า น้ำของเขาหลั่งไหลกระปิดกระปอยจากส่วนปลาย เปรอะเปื้อนกระจัดกระจายทุกครั้งที่ลู่เทียนเฉินกระแทกกระทั้น

    “ฮึ่ม!”

    สุดท้ายเฟยซูหลิงก็ปล่อยอีกครั้งพร้อมกับลู่เทียนเฉินที่ฉีดน้ำอุ่นร้อนเข้ามา แค่รอบเดียวเฟยซูหลิงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะขาดใจตาย เขารู้สึกดีมากเกินไป มันทั้งเวียนหัวและเบลอไปหมด

    “ซูหลิง...” เสียงลู่เทียนเฉินเรียกชื่อเขา เฟยซูหลิงตาปรือ เขาถูกลู่เทียนเฉินดึงเข้าไปจูบ

    ถึงขนาดเรียกชื่อได้แสดงว่าสติก็ต้องกลับมาบ้างแล้ว ทว่าหลังถอนริมฝีปากออกไป เฟยซูหลิงก็เห็นว่าลู่เทียนเฉินขมวดคิ้วมุ้น

    เพราะผลของยาฟื้นฟู ร่องรอยที่ลู่เทียนเฉินทำไว้บนตัวเฟยซูหลิงจึงค่อย ๆ จางหายไป เฟยซูหลิงที่ไม่รู้ว่าลู่เทียนเฉินเป็นอะไร หลุดร้องออกมาด้วยความเจ็บ หมาป่าคลั่งเริ่มขบกัดร่างกายของเขาอีกครั้ง

    “ฮ่า... กลับห้องก่อน” รู้ตัวอีกทีพลังของตัวเองก็พอจะเทเลพอร์ตได้หนึ่งครั้ง ทว่าพอจะเทเลพอร์ต เจ้าหมาป่าบ้าคลั่งที่ยังคาแก่นกายไว้ในร่างของเขาก็กระแทกเข้ามาจนสติกระเจิง “ค่อยกลับไปทำที่ห้องนะ...” เฟยซูหลิงพยายามพูดกล่อมอย่างยากลำบาก เสียงที่พูดออกมาแผ่วเบาเหมือนเสียงกระซิบ

    ถึงที่นี่จะไม่น่าพิสมัยและแม้ตัวเฟยซูหลิงไม่ได้ใส่ใจศพมอนสเตอร์และกลิ่นเลือดเลย เหตุผลที่เฟยซูหลิงกำลังลุกลี้ลุกลนอยากจะรีบออกไป เป็นเพราะเมื่อพวกหลิวอี้ฟานแจ้งลี่อวิ๋นฉางเรื่องโรงงานไฟฟ้าเรียบร้อย ด้วยนิสัยของลี่อวิ๋นฉาง อีกฝ่ายอาจจะรีบมาตรวจดูที่นี่ด้วยตัวเอง

    “......” ทั้งที่น่าจะมีสติพอที่จะตอบโต้ได้ แต่ลู่เทียนเฉินก็ไม่ยอมตอบ เอาแต่จ้องหน้าเฟยซูหลิง ก่อนจะขยับกายกระแทกส่วนลึกของตนต่อไป

    “อา อ๊า!”

    ทำไมลู่เทียนเฉินจะไม่รู้ว่าเฟยซูหลิงคิดอะไรอยู่

    ลี่อวิ๋นฉางจะมาก็มา ดีซะอีก จะได้รู้ว่าเฟยซูหลิงเป็นคนของใคร

    “ฮื่อ ออกอีกแล้ว...” เฟยซูหลิงไม่เข้าใจเลยว่าทำไมร่างกายถึงอ่อนไหวขนาดนี้ ทั้งที่เป็นครั้งแรกแต่ตัวเขาเองแทบไม่มีสติ ไม่รู้กระทั่งสีหน้าของตัวเองยามปลดปล่อยยั่วยวนขนาดไหน พอลู่เทียนเฉินเห็นสีหน้านั้นเข้าก็อุ้มเขาตัวลอย

    “จะ จะไปไหน!?” เฟยซูหลิงตกใจ ลู่เทียนเฉินอุ้มเขาโดยไม่เอาแก่นกายออกและเริ่มเดิน เดินหนึ่งก้าวแก่นกายในตัวก็ขยับหนึ่งครั้ง อีกทั้งยังถูกที่ถูกทางเพราะมันกระแทกเข้าตรงจุดกระสันพอดิบพอดี “มันลึก...” เฟยซูหลิงพึมพำกอดหมับและซุกหน้าเข้าที่ไหล่ของลู่เทียนเฉิน สัมผัสได้เล็กน้อยว่าคนที่ถูกกอดตัวเกร็ง ก่อนจะรู้สึกถึงจูบที่บริเวณข้างศีรษะ

    ต่อจากนั้นแก่นกายที่เข้าออกทุกครั้งที่ลู่เทียนเฉินขยับก็ทำเฟยซูหลิงคิดอะไรไม่ออกแล้ว เขารู้สึกตัวอีกทีตอนที่แผ่นหลังสัมผัสกับความเรียบลื่น ดวงตาฉ่ำน้ำพยายามคงสติมองไปรอบ ๆ ที่แท้ลู่เทียนเฉินก็พามาห้องพักของพนักงาน

    พอวางตัวเขา เฟยซูหลิงไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกกระแทกเข้ามาไม่มียั้ง มือของเขากอดรัดรอบคอลู่เทียนเฉินแน่นไม่ยอมปล่อย ใจจริงอยากสลบไปให้รู้แล้วรู้รอด ไม่น่ากินยาฟื้นฟูก่อนทำเลยจริง ๆ

    ลู่เทียนเฉินกระทำชำเราไปตลอดวัน…

    “อ๊ะ อ๊ะ ไม่เอาแล้ว ไม่ทำแล้ว!”

    เฟยซูหลิงโวยวาย เมื่อแก่นกายของลู่เทียนเฉินกระแทกเข้ามา

    ลู่เทียนเฉินทำจนเย็น เฟยซูหลิงไม่ว่าอะไร เมื่อก่อนเขาก็เคยฟิตจนทำได้นานแบบนี้เหมือนกัน

    ลู่เทียนเฉินทำจนดึก เฟยซูหลิงไม่ว่าอะไร อดกลั้นมานานอีกทั้งยังเป็นประเภทเซ็กส์จัด เขาทนไหว

    —แต่ทำจนตะวันขึ้นเป็นสัญญาณของวันถัดไป เฟยซูหลิงทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ!

    ดีหน่อยที่สุดท้ายก็ยอมให้เทเลพอร์ตกลับห้องเลยไม่ต้องพะว้าพะวงว่าจะถูกใครเห็น แต่เจ้าหมาบ้าไม่ยอมปล่อยเขาไปเลย ตอนที่บอกว่าหิวน้ำ ก็อุ้มพาไปกินน้ำโดยที่ไม่ยอมเอาออก ตอนที่อยากเข้าห้องน้ำขอเวลานอกสักนิด ก็ตามไปกระแทกถึงห้องน้ำจนเผลอปล่อยออกมาต่อหน้าน่าอับอาย

    เฟยซูหลิงอายจนไม่รู้จะอายยังไง ไหนไหนก็ไม่น่ามีอะไรน่าอายกว่านี้อีกแล้วเลยร้องไห้งอแงใส่

    “ไอ้หมาบ้า ทำมากเกินไปแล้วนะ นี่มันครั้งแรกของฉัน รู้จักอดกลั้นซะบ้าง อ๊ะ! ฮือ...”

    ขนาดร้องไห้งอแงใส่ เจ้าปีศาจร้ายก็ยังไม่ยอมหยุดเลย

    “อ๊า! ไม่เอา เลิกดันเข้ามาได้แล้ว มันจุก”

    แถมแก่นกายก็ใหญ่เกินไป พอดันเข้ามาจนสุดได้ ก็เล่นชนกับผนังท้องของเขาจนมันนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด

    “หึ” คนที่ถูกด่าหัวเราะชอบใจ ก่อนจะจับใบหน้าของคนบนตักให้หันมารับจูบ เฟยซูหลิงขัดขืน เจ้าบ้านี่ ตลอดที่ทำจูบไปกี่สิบครั้งแล้ว ริมฝีปากของเขาบวมจนเจ็บช้ำไปหมด!

    ผลของยาฟื้นฟูหมดไปตั้งแต่ตอนเที่ยงคืน ใครจะไปคิดว่าลู่เทียนเฉินจะบ้าทำถึงเช้า เฟยซูหลิงไม่ได้ขอยาฟื้นฟูจากหลิวอี้ฟานมาก เจ้าหมาบ้าพอรู้ว่ารอยที่ตัวเองทำไม่หายไปก็ยิ่งบ้าทำ ร่างกายของเฟยซูหลิงจึงเจ็บระบบไปทั้งตัว

    “ที่รัก รอบสุดท้ายแล้ว” ลู่เทียนเฉินกล่าว พรมจูบข้างขมับของคนใต้ร่างด้วยความเอ็นดู

    “จริงนะ...?” ได้ยินลู่เทียนเฉินกล่าว เฟยซูหลิงก็รีบถามยืนยัน

    พอเห็นใบหน้าไร้เดียงสาที่ไม่เคยปรากฏ ลู่เทียนเฉินที่เลือดลมสูบฉีดก็อยากกลับคำ น่าเสียดายถ้าทำมากกว่านี้มีหวังได้ถูกโกรธเข้าจริงแน่ ๆ

    “จริงสิ” ลู่เทียนเฉินหัวเราะ คนปากดีคนนั้นหายไปไหนกันนะ ทำไมตอนนี้ถึงน่ารักน่าขย้ำขนาดนี้ล่ะ

    เพราะเป็นรอบสุดท้าย เฟยซูหลิงจึงยอมให้ความร่วมมือขยับไปพร้อมกันด้วย ไม่นานพวกเขาก็ปลดปล่อย น้ำของลู่เทียนเฉินเติมเต็มในตัวเขาจนล้น จากที่ไม่คิดว่าตัวเองจะสลบ เฟยซูหลิงก็สลบเข้าจริง ๆ

    สัญญาคือสัญญา หลังจากคนใต้ร่างสลบไป ลู่เทียนเฉินก็อุ้มอีกฝ่ายขึ้นมานอนดี ๆ

    —ต่อมา มือข้างหนึ่งได้ปิดใบหน้าครึ่งล่างของตนเอง เพราะไม่สามารถหยุดรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาได้...

    ดวงตาดำมืดที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งถูกเปิดเผย เลื่อนสายตาไปมองน้ำคาวของตนที่ไหลออกมาจากช่องทางด้านหลัง แก่นกายที่สงบไปแล้วก็เริ่มชูชัน

    สายตาจับจ้องใบหน้าของเฟยซูหลิงยามหลับ ขณะที่ฝ่ามือเลื่อนจับแก่นกายด้านล่างและเริ่มช่วยตัวเอง “ฮึ่ม...” ลู่เทียนเฉินส่งเสียงอดกลั้นในลำคอยามที่ปลดปล่อย ในตอนที่ปลดปล่อยน้ำจากแก่นกายน้ำบางส่วนได้กระเด็นไปโดนใบหน้าของเฟยซูหลิง

    ลู่เทียนเฉินจ้องตรงนั้นอยู่สักพัก จากนั้นความคิดสกปรกก็ดลบันดาลให้เขาค่อย ๆ ปาดน้ำที่เปรอะเปื้อนเข้าไปในปากเล็ก ๆ ของคนที่หลับ และประกบจูบอย่างดูดดื่มลงไป ประทับกลิ่นกายในร่างอีกฝ่าย

    แค่จินตนาการว่ากลิ่นของตนกระจายได้ทั่วทั้งร่างของเฟยซูหลิง แก่นกายของลู่เทียนเฉินก็ชูชันขึ้นอีกแล้ว

    เพียงเท่านี้เฟยซูหลิงก็กลายเป็นของเขาทั้งตัว

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2563

Cut แม่ทัพสวรรค์ได้โปรดอย่าทำกับข้าเช่นนี้! ตอนที่ 5 เข้าใจผิด

 

“อา ดะ— อ๊า!” เสวี่ยถังหม่าจะกล่าวคำว่าเดี๋ยวอีกครั้ง ทว่าในจังหวะที่เขาจะกล่าวก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่หลงชิงหนานดึงนิ้วออกและแทรกแก่นกายเข้ามาในร่างเขาพอดี

“หลงชิงหนาน อย่าเพิ่ง...”

ใส่เข้ามาไม่ทันไรก็เริ่มขยับ แม้จะถูกกระทำหลายครั้งแล้วแต่เสวี่ยถังหม่าก็ไม่อาจรับไหว ทว่าเหมือนยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ แทนที่จะหยุดให้เสวี่ยถังหม่าปรับตัวตามคำขอ กลับกลายเป็นการกระแทกกระทันเข้ามาจนสุดทาง เข้าออกตื้นลึกหนาบางจนเสวี่ยถังหม่าหวีดร้องมิหยุด “เบาหน่อย! ฮื่อ ...มันแทงท้อง” ทุกครั้งที่หลงชิงหนานกระแทกแก่นกายเข้ามา มันกระแทกกับด้านในจนเสวี่ยถังหม่าเห็นชัดเจนว่าท้องของตัวเองนูนขึ้น

ทว่าเหมือนหลงชิงหนานกำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์ “หึ” เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความเมตตาจากคนใต้ร่าง กลับถอนมือที่ใช้ล็อคข้อมือของเสวี่ยถังหม่าออก กดบริเวณที่นูนขึ้นมาแทน

“อ๊า! ยะ อย่ากด!” เสวี่ยถังหม่าร้องลั่น นอกจากตรงท้องจะถูกกดแล้ว ส่วนล่างยังถูกกระแทกกระทั้นเข้ามาไม่หยุด มือทั้งสองข้างที่เป็นอิสระพยายามตะเกียกตะกายหนี

“อ๊า! ...พอแล้ว” ใบหน้าของเสวี่ยถังหม่านองน้ำตา

แก่นกายที่เกือบจะหลุดถูกกระแทกเข้ามาจนสุดใหม่ เสวี่ยถังหม่าทำได้แค่เจ็บใจ สถานการณ์ที่เขาพยายามจะหนีแต่ถูกหลงชิงหนานดึงกลับมาพร้อมกระแทกแก่นกายเข้าไปเกิดขึ้นซ้ำ ๆ

“...คนโรคจิต” ยามเมื่อตวัดสายตาเจ็บใจไปหาหลงชิงหนาน เสวี่ยถังหม่าจึงได้เห็นใบหน้าเยือกเย็นที่ถูกละลายอารมณ์ตัณหา

การปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นในกายเพียงหนึ่งครั้ง ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของความพอใจ

และก็เป็นอีกครั้ง ที่เสวี่ยถังหม่าถูกหลงชิงหนานกระทำชำเราจนถึงเช้าวันถัดมา

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

NC cut The Villain isn't cold-blooded guys. ตอนที่ 61

NC cut The Villain isn't cold-blooded guy. ตอนที่ 33


“อือ เราต้องไปงานเลี้ยงกันไม่ใช่หรือ...”

ส่วนนั้นของไอเซ็นกำลังอยู่ในร่างของเขา ความใหญ่โตร้อนระอุที่แม้จะเพิ่งปลดปล่อยไปไม่ถึงนาทีก็คับแน่นในกายอีกหนึ่งครั้งกระตุกเบา ๆ จนทำให้ทั่วทั้งร่างสะดุ้งโหยง

“หืม ไปสายก็ไม่เห็นเป็นไร” ไอเซ็นกระซิบข้างหูฮาเซฟเสียงแหบพร่า หยอกล้อฮาเซฟด้วยการขยับกายหนึ่งลึกหนึ่งตื้นเรียกเสียงครางจากคนใต้ร่าง ส่งผลให้ร่างกายของทั้งสองคนร้อนรุ่ม

ดั่งกับว่าการหยอกล้อเล็กน้อยของไอเซ็นทำให้ไฟราคะจุดติดอีกครั้ง สองแขนของฮาเซฟโอบรัดลำคอของไอเซ็นแน่น รับแรงกระแทกจากไอเซ็นหัวสั่นคลอน

“เบาหน่อย.. ฉันไม่ไหว— ฮึก!

คำขอร้องที่เปรียบเสมือนแรงกระตุ้น ยิ่งฮาเซฟอ้อนวอนให้ไอเซ็นทำเบา ๆ มากเท่าไหร่ ไอเซ็นก็มีแต่จะทำในสิ่งตรงข้าม กระแทกกายเข้าไปรัว ๆ หลายต่อหลายครั้งและทุกครั้งจะกระทบจุดกระสั่นที่ทำให้ฮาเซฟหวีดร้อง

ใบหน้าของไอเซ็นเปี่ยมไปด้วยความสุขเขามีความสุขจนล้นอกทุกครั้งเวลาที่เห็นใบหน้าที่มักจะเรียบนิ่งตลอดเวลาของฮาเซฟกลายเป็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยกามอารมณ์

“โรคจิต” ฮาเซฟกล่าวขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของไอเซ็น

เมื่อได้ยินเช่นนั้นไอเซ็นจึงกระแทกกายไปลึก ๆ หนึ่งครั้งก่อนจะอุ้มฮาเซฟขึ้นมานั่งบนตัว “อ๊า! ไม่เอา! มันลึกเกินไป” ฮาเซฟร้องเมื่อไอเซ็นเริ่มขยับกาย

เพราะท่านี้มันทำให้ส่วนนั้นของไอเซ็นเข้าไปในร่างเขาจนสุด

“อึก! อื้อ” ฮาเซฟกลั้นเสียงตัวเองไว้

ส่วนนั้นของไอเซ็นทั้งใหญ่และยาวเกินไป ช่องทางด้านในของเขาคับแน่นเกินไปแล้ว!

ดวงตาสีแดงก่ำฉ่ำรื้น หางตามีหยาดน้ำอยู่ปรอย ๆ ไอเซ็นอดใจไม่ไหวเลียหยาดน้ำที่หางตาเพื่อปลอบประโลมก่อนจะประกบจูบที่ริมฝีปากนิ่มอย่างดูดดื่ม

“อย่ากลั้นเสียง ฉันได้อยากยินเสียงนาย” ไอเซ็นกล่าวหลังจากที่ถอนจูบออก

ฮาเซฟส่ายหน้าปฏิเสธรัว ๆ ให้เขาร้องออกมางั้นหรือ ไม่เอาหรอกมันน่าอายเกินไป

“หึ” ไอเซ็นหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แต่ไหนแต่ไรฮาเซฟก็มักจะดื้อดึงเช่นนี้เสมอ ชายหนุ่มจึงขบกัดที่หัวไหล่ขาวมนแรง ๆ หนึ่งครั้งเพื่อเป็นการลงโทษที่ขัดความปรารถนา จากนั้นก็กระแทกกายจนไปสุดทาง

ไม่นานหยาดของเหลวสีขาวขุ่นก็ทะลักจนอุ่นวาบไปทั้งร่าง ไอเซ็นแช่กายอุ่นอยู่สองสามนาทีจากนั้นก็ค่อย ๆ ถอนกายออก

เรือนร่างฝาดเลือดเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ ช่องทางด้านล่างหุบอ้าและน้ำสีขาวขุ่นล้นออกมาจากข้างในเป็นสาย กลิ่นคาวของน้ำกามอารมณ์ยั่วยวนให้ส่วนใหญ่โตของไอเซ็นค่อย ๆ ชูชันขึ้นอีกครั้ง ท่าทางคึกคักไม่เหมือนแก่นกายที่เพิ่งจะปลดปล่อย

“ไม่เอาแล้ว...” ฮาเซฟกล่าวน้ำเสียงเหนื่อยหอบหลังจากที่เห็นส่วนนั้นของไอเซ็น

มากกว่านี้ เขาคงเดินไม่ไหวแล้ว

หากเป็นในอารมณ์ปกติไอเซ็นยังคงรับฟังบ้าง ทว่าเมื่อชั่วโมงไอเซ็นกำลังหงุดหงิดเรื่องที่ฮาเซฟหายไปอยู่กับเจ้าชายโนอาห์อย่างรุนแรง ถึงแม้จะทำไปสองครั้งก็ยังหงุดหงิดไม่หาย ดังนั้นร่างสูงโปร่งจึงไม่สนใจคำร้องขอ แยกขาทั้งสองข้างของฮาเซฟออกและสอดแก่นกายเข้าไปจนสุดทันที

“ฮึก!

ฮาเซฟสะอื้น

มือทั้งสองข้างสั่นระริกพยายามดันอกของไอเซ็นผลักให้ออกไป แต่แรงอันน้อยนิดของเขาจะไปสู้ไอเซ็นได้ที่ไหน พอถูกกระแทกจุดกระสันสักสองสามที ร่างกายของฮาเซฟก็อ่อนยวบยาบ สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้ไอเซ็นทำตามใจเหมือนเดิม

กว่าไอเซ็นจะปล่อยให้ฮาเซฟได้พัก งานเลี้ยงก็ดำเนินไปครึ่งทางแล้ว...

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563

Special S : ดยุคกับราชา NC


ซาเวสเพิ่งรู้ตัวว่าท่อนบนของตนเปลือยเปล่า อีกทั้งยังเต็มไปด้วยรอยปื้นแดงเต็มไปหมด "อื้ม!" ซาเวสแตกตื่น เมื่อยอดอกทั้งสองข้างถูกเคล้นคลึงด้วยมือหยาบกร้านของโชเซ็น จากเดิมที่ต่อต้านอยู่แล้วก็ยิ่งหนักกว่าเดิม

"อุ๊ก!"


โชเซ็นถอนจูบออก ริมฝีปากของชายหนุ่มมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย


"ชอบเจ็บ ๆ ก็ไม่บอก" โชเซ็นกล่าวเสียงเรียบพร้อมกับแสยะยิ้ม ท่าทางพึงพอใจไม่น้อย


"ทะ ทำไมถึงทำแบบนี้" ซาเวสกัดฟันเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ 

มันแปลกไม่ใช่หรือไง ทำแบบนี้กับผู้ชายด้วยกัน

คำถามของซาเวสทำโชเซ็นเงียบไปพักหนึ่ง ชายหนุ่มที่กลายเป็นเจ้าชายรัชทายาทในวันนี้ครุ่นคิดเหลือบมองใบหน้างดงามของซาเวสที่กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่

"อ๊า!" ซาเวสร้องเสียงหลง

จู่ ๆ มือของโชเซ็นก็เลื่อนไปบีบส่วนอ่อนไหวของเขาผ่านกางเกงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

"...ฉันชอบนายตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเลยล่ะ" โชเซ็นกล่าว มองใบหน้าของซาเวสที่บิดเบี้ยวเล็กน้อยเนื่องจากแรงอารมณ์ "ยิ่งเวลาใบหน้าที่หยิ่งทะนงของนายเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ ฉันยิ่งชอบ"

ฟุ่บ

"อะไร— โอ๊ย!"

ขณะที่ซาเวสเผลอ ท่อนล่างของเขาก็ถูกโชเซ็นดึงออกไปจนเปลือยเปล่าทั้งกายซาเวสยังไม่ทันได้ตกใจ เขาร้องออกมาเสียงดังเมื่อกำลังถูกสิ่งปลอมแปลงดุนดันเข้ามาในร่าง

เจ็บ!

ร่างกายราวกับถูกแยกออกเป็นสองส่วนทั้งเป็น ซาเวสกัดริมฝีปากตนเองจนเลือดไหลเป็นสาย ใบหน้าบิดเบี้ยวจนดูไม่ได้ "เจ็บรึเปล่า...?" โชเซ็นกล่าวเสียงแผ่ว จูบเปลือกตาของซาเวสที่กำลังมีน้ำตาไหล

ข้างในของซาเวสรัดส่วนอุ่นร้อนของตนไว้แน่นมากจนขยับไม่ได้

"ฮึก มันเจ็บ เอาออก..." ซาเวสกล่าวเสียงสั่น ใบหน้างดงามนองน้ำตาสภาพผิดกับครั้งแรกที่โชเซ็นเจอซาเวสลิบลับ

พลันส่วนลึกในใจของโชเซ็นก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา

ชายหนุ่มกล่าวก้มจูบซาเวสไม่ยอมให้คนใต้ร่างกัดริมฝีปาก มือข้างหนึ่งเคล้นคลึงยอดอก ส่วนมืออีกข้างเลื่อนลงไปกอบกุมส่วนอ่อนไหวขึ้นลงแผ่วเบา

"อึก อื้อ!" เสียงร้องครางของซาเวสดังออกมาทั้ง ๆ ที่กำลังจูบอยู่

ยิ่งโชเซ็นขยับมือและจูบซาเวสมากเท่าไหร่ ภายในของซาเวสก็ยิ่งผ่อนคลายมากเรื่อย ๆ จนกระทั่งโชเซ็นเล็งเห็นจังหวะ ดันส่วนอุ่นร้อนของตนเข้าไปสุดปลายในทีเดียว

"อ๊า!!"

มือทั้งสองข้างที่เคยผลักดันดึงเสื้อของโชเซ็นไว้ยับยู่ยี่ โชเซ็นที่แทบทนความรัดแนนไม่ไหวลองขยับ ทว่าขยับไปได้แค่หนึ่งทีก็ถูกซาเวสกอดแน่น "อ๊ะ ยะ อย่า มันรู้สึกแปลก ๆ"

"รู้สึกอะไร หืม?" โชเซ็นเอ่ยถาม ยอมหยุดตามที่ซาเวสสั่ง 

ตัวสั่นน่าเอ็นดูเชียว...

ซาเวสส่ายหน้าไปมา "ไม่รู้ ฮึก เอาออกเถอะ"

"ฉันกับนายเป็นขนาดนี้แล้วจะให้เอาออกได้ยังไง" โชเซ็นกล่าวเสียงเรียบ ดวงตาสีอเมทิสต์มองส่วนอ่อนไหวของซาเวสที่มีอารมณ์เต็มที่ก่อนจะขยับเบา ๆ ให้ซาเวสสะดุ้ง "ยอมฉันเถอะ..."

"ไม่เอา!" ซาเวสปฏิเสธเสียงแข็ง

ใครจะไปยอม!

โชเซ็นถอนหายใจ 

"ช่วยไม่ได้"

สิ้นเสียง โชเซ็นก็ขยับเอวของตนเองในทันที

"มะ— อ๊า! หยุด ฮึก เบา ๆ เบา ๆ หน่อย!" 

ซาเวสร้องครางเสียงสะอื้น มือทั้งสองผลักไสให้โชเซ็นหยุดทว่าคนข้างบนไม่ยอมฟังคำกล่าวของเขาเลย ซาเวสจึงทำ

ในสิ่งที่ตนทำได้ เขาพยายามดึงสะโพกของตัวเองหนีแต่ทันทีที่เขาทำอย่างนั้นโชเซ็นก็จะกระแทกส่วนอุ่นร้อนเข้ามาอย่างแรงเป็นการลงโทษ

เมื่อทำไปได้ถึงครึ่งทาง ซาเวสจึงได้รู้ว่าการต่อต้านของเขานั้นไร้ประโยชน์

คนที่ถูกกระทำเริ่มไหลไปตามแรงอารมณ์ "แรงไป ชะ ช้า ๆ หน่อย" น้ำเสียงอ่อนยวบยาบ มือทั้งสองข้างกอดโชเซ็นแน่น "จะออก— อื้อ!"

น้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกจากส่วนอ่อนไหว ซาเวสหอบหนักเขาเสร็จเป็นครั้งที่สองแล้วแต่โชเซ็นยังไม่เสร็จสักครั้งเลย

"...ฉันเพิ่งเสร็จ" ซาเวสกล่าวเสียงแผ่ว ถูกโชเซ็นดึงขึ้นมาในท่านั่งซึ่งนั่นทำให้ส่วนอุ่นร้อนอันใหญ่โตของโชเซ็นเข้าไปในร่างของเขาลึกมาก

"อีกนิดนะ" โชเซ็นกล่าวเสียงแหบพร่า ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีแดงก่ำ เมื่อจับซาเวสนั่งบนตักได้ก็กระแทกเข้าออกจนส่วนนั้นของซาเวสชูชันขึ้นอีกครั้งในทันที

ซาเวสซบหน้าลงไปที่ไหล่กว้าง

เขาเพิ่งเสร็จไปเองนะ!

เฮือก...


ร่างของซาเวสกระตุก น้ำสีขุ่นที่อุ่นร้อนกำลังไหลเข้ามาภายในจนร้อนวูบวาบ "อะ เอาออกไปได้แล้ว" ซาเวสกล่าวอย่างตื่นตะหนก

กว่าโชเซ็นจะเสร็จครั้งแรก เขาเสร็จเป็นครั้งที่สาม

"ยังก่อน" โชเซ็นกล่าวเสียงเรียบชายหนุ่มกอดซาเวสไว้ ยังอยากแช่ตัวอยู่ในร่างของซาเวสอีกสักนิด

"มะ ไม่ได้!"

ซาเวสกล่าวทันที

ที่เขาแตกตื่นขนาดนี้เพราะส่วนนั้นของโชเซ็นกำลังขยายจนคับแน่นในร่างของเขา ด้วยนิสัยของโชเซ็นเป็นไปได้ว่าเจ้าตัวจะใช้โอกาสนี้เพื่อจะ—

"มันตื่นอีกแล้ว..."

"ฮื่อ!"

โชเซ็นขยับกายอีกครั้ง ยิ้มสดใสให้กับซาเวสที่แตกตื่น

"อีกรอบนึงนะ"




วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2563

NC cut The Villain isn't cold-blooded guy. ตอนที่ 33

NC cut The Villain isn't cold-blooded guy. ตอนที่ 33



อย่างที่ฮาเซฟคิด ครั้งนี้ไอเซ็นไม่มีความคิดที่จะนอนกอดเฉย ๆ ชายหนุ่มผมสีทองปลดผ้าคลุมสีดำอันเกะกะของฮาเซฟออกจนเหลือเพียงเสื้อสีดำรัดรูปด้านใน

ไอเซ็นล้วงมือเข้าไปในเสื้อ มือหนาสัมผัสกับร่างของฮาเซฟโดยไม่มีอะไรขวางกั้น ฮาเซฟที่ถูกคนด้านบนละลาบละล้วงร่างกายของตนสะดุ้ง

มือของไอเซ็นร้อนมาก

“จะทำอะไร” ฮาเซฟถามเป็นเชิง แต่จากท่าทางของไอเซ็นตลอดมาเขาก็พอจะเดาได้อยู่ แค่อาการเวียนหัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ถึงกับต้องจูบกัน และถ้าเป็นอย่างอื่นล่ะ?

ฮาเซฟได้รู้คำตอบแล้วในตอนนี้

ไอเซ็นแม้อาการฮีทโตรกอย่างรุนแรงจะทำให้แทบครองสติไว้ไม่ได้แต่ก็ได้ยินคำกล่าวของฮาเซฟทุกถ้อยคำ “ไม่ได้หรือ?” ชายหนุ่มกล่าวกับฮาเซฟด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

ฮาเซฟถอนหายใจ เขาลูบกลุ่มผมสีทองนุ่มของไอเซ็นเบา ๆ “ฉันเป็นของนายนะ”

คำกล่าวของฮาเซฟเสมือนคำอนุญาต ไอเซ็นก้มลงจูบคนใต้ร่างอีกครั้ง




“อุ๊ก!

ฮาเซฟร้องออกมาเสียงแผ่ว

นิ้วเรียวของไอเซ็นกำลังสอดเข้าไปในที่แปลก ๆ ของเขา

ในโลกเก่าเขาเคยได้ยินว่าผู้ชายกับผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กันยังไง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้สัมผัสประสบการณ์นี้ด้วยตัวเอง

จากหนึ่งเป็นสองและสุดท้ายคือสาม

ฮาเซฟที่มีนิ้วทั้งสามอยู่ในกายพยายามกลั้นเสียง ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วที่เขารู้สึกแปลก ๆ เวลาที่ไอเซ็นกดข้างใน "อย่ากลั้น" ไอเซ็นพูดกับฮาเซฟที่ข้างหู "ฉันอยากได้ยินเสียงนาย"

“ฉันมะ อึก!

ก่อนฮาเซฟจะตอบโต้ จู่ ๆ ไอเซ็นก็ถอนนิ้วทั้งสามของตนออกมา เจ้าชายรัชทายาทถอดเสื้อผ้าส่วนบนของตนเองออก ปลดเข็มขัดกางเกงให้คลายและควักส่วนนั้นที่กำลังแข็งขืนเต็มที่

เมื่อฮาเซฟเห็นส่วนนั้นของไอเซ็น ชายหนุ่มผู้มีสายเลือดของปีศาจก็หน้าซีด เจ้าสิ่งนี้มันจะเข้าไปในร่างกายของเขาได้ยังไง?

ไม่มีทาง... มันเข้าไม่ได้!

"กลัวหรือ?" ไอเซ็นกล่าว เจ้าชายรัชทายาทที่ครองสติได้เพียงไม่กี่ส่วนเอาส่วนแข็งขืนของตนเองถูไถกับทางเข้าสีสด น่าแปลกพอเห็นฮาเซฟที่มักจะมีสีหน้าเรียบนิ่งเสมอเผยอาการหน้าซีดออกมาตนก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

“ไม่” ฮาเซฟที่เป็นฝ่ายอยู่ใต้ร่างพยายามเก็บสีหน้ากล่าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

แน่นอนว่าด้วยความหยิ่งทะนงของฮาเซฟ ไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะกล่าวออกไปว่ากลัว

และจากนั้นนอกจากพลังเวทย์จะถูกดูดจนหมดเกลี้ยง ฮาเซฟก็ได้รู้ซึ้งว่าคำว่าร่างกายถูกแยกเป็นสองส่วนเป็นยังไง

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2562

Cut ศิษย์ข้าอย่าทำกับอาจารย์เจ้าเช่นนี้ บทที่ 5 ยุ่งเหยิง [1/3]


บทที่ 5 ยุ่งเหยิง

ที่ริมฝีปากยังมีความรู้สึกอยู่บางเบาจนฝูจิ้นหลิงอดไม่ได้ที่จะแตะริมฝีปากนั้น ดวงตาทั้งสองข้างมองตรงไปทิศที่จ้าวหลางเดินออกไป สายตาเหม่อลอย

น่าแปลกที่ความรู้สึกแรกหลังถูกจูบจะไม่ใช่ความเคอะเขินแต่เป็นความรู้สึกผิด ในหัวของฝูจิ้นหลิงมีคำกล่าวย้ำซ้ำ ๆ ผุดขึ้นมาว่า เขาเป็นอาจารย์และจ้าวหลางเป็นศิษย์วกวนเต็มไปหมด

“ถ้าเมื่อกี้หลับไปซะก็ดีกว่า” ฝูจิ้นหลิงพึมพำพร้อมถอนหายใจ

ความรู้สึกตีกันในหัวยุ่งวุ่นวายจนสมองโล่งคิดอะไรไม่ออก ฝูจิ้นหลิงไม่เข้าใจว่าทำไมจ้าวหลางถึงจูบเขา จ้าวหลางเมา? ไม่ใช่ เขาไม่ได้กลิ่นสุราเลย หรือว่าจะโดนบังคับ? ก็ไม่ใช่อีกเพราะจ้าวหลางไม่ใช่คนที่จะโดนใครมาบังคับง่าย ๆ ขนาดนั้น

หรือว่า เพราะชอบเขา?

“........”

เนื้อเรื่องมันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ พระเอกนิยายกำลังภายในถึงได้ชอบบุรุษอีกทั้งยังเป็นอาจารย์ของตนเองได้

คราแรกก็รู้สึกแปลก ๆอยู่บ้างแล้ว จะมีบุรุษใดบ้างที่ทั้งโอบเอว ทั้งกอด ทั้งขอนอนด้วย กับบุรุษที่ซึ่งเป็นอาจารย์ของตนเองด้วยกัน เขาต่างหากที่คิดอะไรง่ายเกินไป คิดว่าจ้าวหลางยังอายุน้อยอีกทั้งวัยเด็กไม่ได้รับความรักจากครอบครัวจึงไม่ได้เอะใจกับการกระทำแปลก ๆ พวกนั้นเลยสักนิด

พอลองย้อนนึกกลับไป เนื้อเรื่องเพียงหนึ่งชีวาพิภพสิ้นก็มีจุดแปลกตั้งหลายอย่าง ทั้งที่มีหญิงสาวที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติและความงดงามมากมายกลับไม่มีใครได้เป็นนางเอกและพิชิตใจจ้าวหลางได้เลย

จ้าวหลางอาจหลงรักฝูจิ้นหลิงที่เป็นอาจารย์ของเขาอยู่แล้ว... เพราะงั้นยามที่รู้ว่าฝูจิ้นหลิงได้ตกตายไปถึงได้เสียใจจนนิสัยเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเสียขนาดนั้น

ทว่าอาเหรินก็ยังไม่เข้าใจ ในนิยายจ้าวหลางไม่ได้กระทำการจาบจ้วงเช่นนี้แล้วเหตุใดครานี้ตนถึงถูกจู่โจมเช่นนั้น จะเป็นเพราะบรรยากาศจากสีผมสีตาดำสนิทก็ไม่ใช่ เพราะที่ฝูจิ้นหลิงถูกจูบ เขาหลับตาอยู่

ยิ่งคิดก็ไม่เข้าใจ!

อาเหริน ชายหนุ่มไร้เดียงสาไร้ประสบการณ์เรื่องชู้สาวตลอด 19 ปี สับสนจนหัวยุ่ง ประติดประต่อเรื่องราวอะไรไม่ได้เลย จากที่ตอนแรกรู้สึกง่วงกลายเป็นตาแจ้งเพราะคิดมากจนนอนไม่หลับ ในหัวมัวแต่หาสาเหตุของการกระทำของจ้าวหลางทั้งคืนไม่ได้หลับไม่นอน

คิดไม่ออกจนหัวยุ่งไปสองชั่วยาม ในที่สุดฝูจิ้นหลิงก็หลับลง

“ซือฝุตื่นได้แล้วขอรับ”

เสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยเรียกร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงตื่นจากนิทรา

ฝูจิ้นหลิงลืมตาไม่ขึ้น หัวหมุนไปหมุนมาเหมือนเกิดจากอาการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอเจ้าตัวเกือบจะทำเมินเสียงของเสวี่ยจิ้งเหอแล้ว หากแสงแดดไม่สาดส่องจนกระทบเข้ามานัยน์ตาเสียก่อน “ยามใดแล้ว!?” ฝูจิ้นหลิงกล่าวกับเสวี่ยจิ้งเหอที่นั่งอยู่ข้างเตียง

เสวี่ยจิ้งเหอตอบกลับพร้อมกับส่งอ่างล้างหน้าให้ฝูจิ้นหลิง “ยามอู่แล้วขอรับ”

คนบนเตียงรับอ่างล้างหน้าด้วยความงุนงง ก่อนที่สมองจะประมวลผลคำพูดของเสวี่ยจิ้งเหอได้ “หะ...ยามอู่?” น้ำเสียงของฝูจิ้นหลิงเต็มไปด้วยความงุนงง

เสวี่ยจิ้งเหอยิ้ม “ขอรับ”

เขาตื่นสายไปสามชั่วยาม(6 ชั่วโมง)

ร่างบางขยี้หัวตัวเองอย่างหนัก เป็นเพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดมากเรื่องจูบนั่นแหละกว่าจะนอนก็ปาไปยามใดแล้วก็ไม่รู้

สามชั่วยาม... นานขนาดนี้ต่อให้เร่งความเร็วสูงสุดยังไงก็ไม่ทันแล้ว อีกทั้งถึงทันก็ทำไม่ได้ด้วยเพราะตรงนี้ยังมีเสวี่ยจิ้งเหอคอยคุมอยู่ยังไงล่ะ

“ทำไมอาจิ้งไม่ปลุกซือฝุเล่า” ฝูจิ้นหลิงกล่าวกับเสวี่ยจิ้งเหอพลันรู้สึกอายทีหลัง อันที่จริงเขาควรจะตื่นเองไม่ใช่ให้ศิษย์มาคอยปลุกไม่ใช่รึยังไง

เสวี่ยจิ้งเหอกล่าว “ปลุกแล้วแต่ซือฝุไม่ตื่น”

สิ้นคำกล่าวของเสวี่ยจิ้งเหอ ฝูจิ้นหลิงทำหน้าไม่เชื่อทีตอนอยู่ยอดเขาทลายฟ้ากลับปลุกเขาจนตื่นอยู่ทุกวัน

หลังจากจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย ฝูจิ้นหลิงก็ออกมานอกกระโจมเพื่อใหเสวี่ยจิ้งเหอทำอาหารได้สะดวก เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ด้วย ในพื้นที่ค่ายนอกจากพวกเขาแล้วบริเวณนี้ไม่มีใครอื่นอีก “แล้วอาหลางเล่า” ฝูจิ้นหลิงเอ่ยถาม แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม

เสวี่ยจิ้งเหอกล่าวออกมาจากในกระโจม “ออกเดินทางไปพร้อมศิษย์จิวซื่อแล้วขอรับ”

ฝูจิ้นหลิงนิ่งเงียบไป เขาคิดเรื่องจ้าวหลางทั้งคืนแต่ก็ยังคิดไม่ออกสักที

เวลาผ่านไปสองเค่อเสวี่ยจิ้งเหอจึงกล่าวให้ฝูจิ้นหลิงมาทานอาหาร “ซือฝุเสร็จแล้วขอรับ” ฝูจิ้นหลิงเดินกลับเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว

“เหตุใดวันนี้สำรับถึงเยอะนักเล่า” ฝูจิ้นหลิงกล่าว ตามองอาหารที่อยู่บนโต๊ะด้วยความแปลกใจ

ปกติแล้วในหนึ่งมื้ออาหารหากไม่ใช่อาหารจานเดียว ก็มักจะทำกับข้าวประมาณ 4 – 5 อย่างไว้ทานคู่กับข้าว มื้อนี้ก็เช่นกันแตกต่างกันตรงที่กับข้าวไม่ได้มีแค่ 4 – 5 อย่างแต่มีถึง 10!

เสวี่ยจิ้งเหอชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ ยิ้มออกมา “ศิษย์อยากให้ซือฝุกินเยอะ ๆขอรับ”

คำกล่าวของเสวี่ยจิ้งเหอไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด กินเยอะอะไรกัน... ถึงฝูจิ้นหลิงจะชอบกินแต่เขาก็ยังเป็นเซียนวิญญาณที่จะกินหรือไม่กินมันก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันทั้งนั้น ฝูจิ้นหลิงถอนหายใจ เสวี่ยจิ้งเหอชอบเป็นห่วงเขามากเกินไปอยู่เรื่อยเลย

พลันกำลังจะกินอาหารนิ้วมือก็ถูกเขี่ยเล่นโดยคนตรงข้าม ฝูจิ้นหลิงหยุดชะงักเหลือบมองเสวี่ยจิ้งเหอในมือยังถือตะเกียบค้างไว้ “มีอะไรรึเปล่า”

เสวี่ยจิ้งเหอส่ายหน้าใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้ม “ซือฝุไม่ใส่ผ้าปิดหน้าหรือขอรับ”

เมื่อโดนทักเรื่องผ้าปิดหน้าฝูจิ้นหลิงก็แสดงอาการตกใจอย่างหนัก มือเล็กเผลอปล่อยมือจนทำตะเกียบตกลงพื้นก่อนมือขาวยกขึ้นแตะใบหน้าของตัวเองที่ไม่มีผ้าปิดหน้าบดบัง “ทำไมถึงตกใจขนาดนั้นล่ะขอรับ” เสวี่ยจิ้งเหอกล่าว

ฝูจิ้นหลิงตอบเสียงอึกอัก “เปล่า ที่ไม่ปิดเพราะซือฝุกำลังทานอาหารอยู่”

“เช่นนั้นเอง...” เสวี่ยจิ้งเหอพึมพำ

นิ้วเรียวยังไม่หยุดหยอกล้อฝูจิ้นหลิง ฝูจิ้นหลิงเลิกคิ้วคิดว่าเสวี่ยจิ้งเหอคงเกิดอาการเบื่ออะไรอีก เขาจึงไม่ได้กล่าวห้ามและปัดนิ้วของเสวี่ยจิ้งเหอออกเพราะอาการเช่นนี้เป็นปกติของเสวี่ยจิ้งเหออยู่แล้ว ในหัวไม่ได้มีความคิดว่าเสวี่ยจิ้งเหอดูแปลกไปบ้างเลย

“อิ่ม” ฝูจิ้นหลิงกล่าวและวางตะเกียบลง

เป็นครั้งแรกเลยที่ฝูจิ้นหลิงกินอาหารของเสวี่ยจิ้งเหอไม่หมด ทั้งที่มันก็อร่อยเหมือนเดิมอาจจะเป็นเพราะมันเยอะเกินไปนั่นแหละ หลังจากที่กินไปได้สัก 7 จานท้องของเขาก็ไม่สามารถรับพวกมันได้อีกแล้ว

“เอ่อนี่ ซือฝุมีอะไรจะปรึกษา” ฝูจิ้นหลิงกล่าวขึ้น

เสวี่ยจิ้งเหอกล่าวขึ้นทันที “เรื่องอะไรหรือขอรับ”

ฝูจิ้นหลิงเงียบไปพักหนึ่ง เขาอยากจะปรึกษาเรื่องของจ้าวหลางแต่กำลังชั่งใจว่าจะกล่าวออกมาดีหรือไม่ ทว่าสุดท้ายก็กล่าวออกมา “คือเมื่อคืน...” เสียงของฝูจิ้นหลิงแผ่วลงจนเกือบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ “ซือฝุถูกอาหลางจูบ”

“......” เสวี่ยจิ้งเหอเงียบไป รอยยิ้มค่อย ๆ เลือนหาย

ฝูจิ้นหลิงเห็นปฏิกิริยานั้นจึงกล่าวโพล่งออกมาทันทีกลัวเสวี่ยจิ้งเหอจะเข้าใจผิด “ไม่ใช่ว่าซือฝุรังเกียจจ้าวหลาง แต่เรื่องระหว่างศิษย์อาจารย์มัน ไม่อาจ...”

ฝูจิ้นหลิงอึกอักอีกครา “ไม่อาจ...”

“ไม่อาจอะไรขอรับ”

“...ไม่อาจเป็นไป— อื้ออ!

ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันจนไม่อาจตั้งตัวได้ทัน

ยังไม่สิ้นคำกล่าวคำสุดท้าย ริมฝีปากของฝูจิ้นหลิงพลันถูกกระแทกอย่างแรงจนใบหน้างามเหยเกด้วยความเจ็บ ฝูจิ้นหลิงเม้มปากแน่นเพราะงั้นเสวี่ยจิ้งเหอจึงไม่อาจกระทำการอุกอาจได้ ทว่ายังไม่ทันได้โล่งใจใบหน้าก็พลันถูกบีบอย่างแรงจนไม่อาจเม้มปากไว้ได้อีก เมื่อไม่มีอะไรให้ขัดขว้างลิ้นของเสวี่ยจิ้งเหอก็บุกเข้ามาอย่างจาบจ้วงดูดดื่มและอุกอาจภายในไม่มีจังหวะให้คนถูกกระทำตั้งตัวหรือหายใจเลยสักนิด

ยังดีที่มีจังหวะให้หายใจอยู่บ้าง “อาจิ้ง! อื้มมม” ทว่าเป็นอิสระได้ไม่นานคนตรงหน้าพลันประกบปากเข้ามาอีกหลายต่อหลายครั้ง

จากฝ่ามือที่พยายามจะผลักไสกลับขย้ำเสื้อของคนตรงหน้าไว้แน่นเพราะขาสั่น สิ่งที่จ้าวหลางทำมันก็แค่ปากสัมผัสปากแต่สิ่งที่เสวี่ยจิ้งเหอทำคือจูบที่ร้อนแรง ดื้อดึงและวาบหวาบจนในหัวของฝูจิ้นหลิงว่างเปล่าโล่งขาวโพลนไปหมด

เมื่อเสวี่ยจิ้งเหอจูบจนพอใจก็ผละออกมา “ตอนแรกข้าที่ได้ยินข้าหงุดหงิดเรื่องที่ศิษย์ควบคุมตนเองไม่ได้และจูบท่าน” เสวี่ยจิ้งเหอหยิบปอยผมของฝูจิ้นหลิงขึ้นมา ดวงตาสีดำสนิทแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด “แต่ข้าหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมเสียอีกเมื่อท่านกล่าวเรื่องศิษย์และอาจารย์ออกมา!

เสวี่ยจิ้งเหอหัวเราะ “จะว่าไปตอนนั้นท่านก็พูดแบบนี้เหมือนกัน”

น้ำเสียงของเสวี่ยจิ้งเหอแผ่วเบาก่อนจะกลายเป็นแข็งกร้าว “ท่านพูดว่าพวกเราเป็นศิษย์และอาจารย์เลยไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของข้าได้!

ท่าทางของเสวี่ยจิ้งเหอดูไม่ปกติ ฝูจิ้นหลิงกลืนน้ำลาย เขาผละออกจากเสวี่ยจิ้งเหอไม่ได้เพราะโดนกอดเอาไว้ “อาจิ้งใจเย็นก่อน” ฝูจิ้นหลิงเงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับเสวี่ยจิ้งเหอพลันต้องชะงักเมื่อสบตากับดวงตาสีแดงก่ำ

“มาร...”

ตั้งแต่เมื่อไหร่ เสวี่ยจิ้งเหอกลายเป็นมารตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

ผู้ฝึกตนที่เข้าสู่ลุ่มหลงในมารอารมณ์จะแปรปรวน ถูกครอบงำโดยจิตด้านลบง่ายจนสุดท้ายจะสูญเสียสติสัมปชัญญะและความมีเหตุมีผลไปทั้งหมด หนึ่งในคำอธิบายของสิ่งที่เรียกว่ามารผุดขึ้นในหัว ฝูจิ้นหลิงไม่มีเวลาคิดเรื่องจูบอีก มือขาวแตะแก้มของเสวี่ยจิ้งเหอทั้งสองข้าง “อาจิ้งตั้งสติ! อย่าให้มารเข้าควบคุมได้”

เสวี่ยจิ้งเหอยังไม่หยุด “ข้าควรทำอย่างไรดีขอรับ...” มือข้างหนึ่งปล่อยจากเอวของฝูจิ้นหลิงและกุมมือที่จับแก้มตนเองไว้ ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้ม ถูไถแก้มกับมือของฝูจิ้นหลิงไปมาเสมือนกำลังออดอ้อน “ทำอย่างไร ซือฝุถึงจะได้ตอบรับความรู้สึกของข้า”

ฝูจิ้นหลิงพยายามโน้มน้าวเสวี่ยจิ้งเหอให้ปล่อยตนก่อน “ปล่อยซือฝุก่อนนะ แล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันดีรึไม่”

ทว่ารอยยิ้มของเสวี่ยจิ้งเหอพลันหายไปทันที “ไม่”

สิ้นคำกล่าวของเสวี่ยจิ้งเหอร่างหนาก็เข้าก้มเข้ามาจูบอีกครา คราวนี้ฝูจิ้นหลิงไม่ยอมดวงตาและสีผมของเขากลับเป็นสีอำพันและสีขาว รวบรวมพลังวิญญาณที่ตนเองมีไว้ทั้งหมดและพยายามผลักเสวี่ยจิ้งเหอออกไปให้ได้

“ซือฝุรู้หรือไม่ขอรับ” เสวี่ยจิ้งเหอกล่าวขึ้นมาก่อนจะกระซิบที่ข้างหู “ยิ่งท่านดิ้นเท่าไหร่ข้าก็ยิ่งตื่นเต้น...”

ฝูจิ้นหลิงหลุดร้องเสียงหลง “อาจิ้ง!” ร่างกายถูกเสวี่ยจิ้งเหออุ้มขึ้นและโดนโยนลงกระแทกกับเตียงอย่างแรง

หลังของฝูจิ้นหลิงรู้สึกชาจากความเจ็บไปหมด ดวงตาสีอำพันมองเสวี่ยจิ้งเหอที่ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาด้วยความตกใจ สัญชาตญาณของฝูจิ้นหลิงร้องเตือนให้ตนเองต้องหนีเดี๋ยวนี้

เสวี่ยจิ้งเหอกล่าวขึ้น “ไม่ให้หนีหรอกขอรับ” ร่างสูงสะบัดมือหนึ่งที ขาของฝูจิ้นหลิงพลันรู้สึกหนักอึ้งจนขยับไปไหนไม่ได้จนกระทั่งร่างกายถูกทาบทับไว้ด้วยร่างหนา

ดวงตาสีอำพันมองเสวี่ยจิ้งเหอด้วยอารมณ์ที่อ่านไม่ออก ฝูจิ้นหลิงพยายามขัดขืนแต่ซัดฝ่ามือไปเท่าไหร่ก็เหมือนเสวี่ยจิ้งเหอจะไม่สะทกสะท้านเลย

ตำราเคยกล่าวไว้ว่าผู้ฝึกตนที่กลายเป็นมารจะมีพลังมหาศาลที่แลกมาจากการขายจิตวิญญาณ แต่ไม่คิดเลยว่าจะมหาศาลขนาดที่ว่าเซียนวิญญาณอย่างเขาไม่อาจต่อต้านได้เลยสักนิด

“โอ้ย!” เสวี่ยจิ้งเหอกัดเข้าที่ลำคอของฝูจิ้นหลิงอย่างแรงก่อนจะเลียรอยกัดที่มีเลือดซึมออกมาด้วยความอ่อนโยนเบา ๆ “ซัดข้าแรงขนาดนี้ ซือฝุชอบแบบเจ็บ ๆหรือขอรับ” เสวี่ยจิ้งเหอกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยแรงปรารถนาเมื่อเห็นอาจารย์ของตนอยู่สภาพอับอาย ไม่สามารถต่อต้านก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจูบแรง ๆ สักที

ถูกจูบอย่างรุนแรงหลายครั้ง ริมฝีปากของฝูจิ้นหลิงจึงบวมช้ำไปหมด หางตามีหยกน้ำตาปริ่มเล็กน้อย ร่างกายอ่อนยวบร้อนวูบวาบไม่มีแรงต้านทาน ภายในหัวขาวโพลนสมองมึนงงคิดอะไรไม่ออก

พลันฝูจิ้นหลิงสะดุ้งขึ้นเมื่อเสื้อของเขาถูกคนตรงหน้ากระชากให้เห็นหัวไหล่ขาว “อาจิ้งอย่า!” ฝูจิ้นหลิงกล่าวห้าม

ทว่าเสวี่ยจิ้งเหอไม่หลงเหลือสติอยู่อีกแล้ว เสื้อของฝูจิ้นหลิงถูกกระชากจนเห็นหัวไหล่ขาวเนียนเมื่อดวงตาสีแดงก่ำเห็นหัวไหล่ขาวเรียบเนียนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปกัดทำรอยประกาศความเป็นเจ้าของ

ความพอใจของเสวี่ยจิ้งเหอไม่ได้หยุดลง พยายามกระชากเสื้อของฝูจิ้นหลิงอีกครั้ง แต่ฝูจิ้นหลิงที่ได้สติจากความเจ็บพยายามดึงยื้อไม่ให้เสวี่ยจิ้งเหอกระชากลงไปได้มากกว่านี้ เสวี่ยจิ้งเหอแค่นเสียงจากการที่ถูกขัดใจ มือหนาคว้าเข้าที่มือทั้งสองข้างของฝูจิ้นหลิงและรวบพวกมันไว้เหนือหัวด้วยมือของตนเพียงข้างเดียว “อาจิ้งอย่าทำเช่นนี้!

เสวี่ยจิ้งเหอไม่ฟัง ร่างสูงกำลังจะกระชากเสื้อลงอีกครั้ง แต่ทว่า

ฝูจิ้นหลิงหลับตากลั้นใจกล่าวออกมาดังลั่น “เสวี่ยจิ้งเหอ! ถ้าเจ้าทำ ซือฝุจะถือว่าเจ้าไม่ใช่ศิษย์ของซือฝุอีก!